มุมมองจากวงในจากเด็กที่เรียนเอแบค

เด็กเอแบค มุมมองจากวงใน บอกเล่าประสบการณ์ตรงจากเด็กที่เรียนเอแบค

ในฐานะที่จบเอแบคมา เคยวนเวียนเข้าออกอยู่ที่นั่น 4 ปีเต็ม ได้รู้จัก และได้รู้อะไรหลายๆ อย่าง จึงอยากนำประสบการณ์และสิ่งที่รู้มาบอกเล่าให้ฟัง เผื่อมีน้องๆ ที่คิดอยากจะเรียนที่นี่ แล้วอยากรู้จักมหาลัยนี้ให้มากขึ้น จะได้มีตัวช่วยในการตัดสินใจ

ตัวเราเองจบเอแบคเมื่อเดือนมีนาคม 2013 สองปีที่แล้วนี้เอง เรียนคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ (Arts, Business English) จบเกรดเฉลี่ย 3.63 เกียรตินิยมอันดับ 2 ไม่ใช่คนเก่ง แต่รับผิดชอบ ไม่เคยโดดเรียน เรียนเสร็จก็เที่ยวบ้างตามประสา ไม่เคยกลับมาอ่านหนังสือ ตอนสอบค่อยอ่านแต่ก็ทำให้เข้าใจได้เร็วเพราะเราตั้งใจฟังอาจารย์ตั้งแต่ในห้องเรียนแล้ว อีกอย่างคือ อยู่ที่การคบเพื่อนด้วย เราโชคดีเจอเพื่อนตั้งใจเรียน และเรียนเก่งกันทุกคน ทำให้รู้สึกว่าเพื่อนทำได้เราก็ต้องทำได้ เอาล่ะ เกริ่นประวัติตัวเองมาพอสมควรล่ะ ขอบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับมหาลัยนี้โดยแบ่งเป็นหัวข้อๆ ละกัน

รวย ลูกคุณหนู ขับรถหรูมาเรียน?

หากจะกล่าวถึงเด็กเอแบค หลายคนอาจนึกถึงลูกคุณหนูมีตังค์ ไฮโซ ขับรถแพงๆ มาเรียนกันทุกคน แต่ความจริงแล้ว เด็กที่นี่มีหลายระดับฐานะ ตั้งแต่ปานกลาง รวย รวยมาก รวยมากมาย และมหาเศรษฐี นักศึกษาที่เรียนที่นี่โดยเฉพาะที่บางนาจะขับรถมาเรียนกันซะเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากย่านนั้นค่อนข้างกันดาร การขับรถไปเองนั้นเห็นจะเป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุด รถของนักศึกษาที่นี่มีตั้งแต่ระดับล่างๆ ไปจนถึงหรูมาก ตั้งแต่ซูซูกิสวิฟท์ วีออส ซีวิค ไปจนถึงบีเอ็ม เบนซ์ แลมโบกินี่ และเฟอร์รารี่ มอเตอร์ไซต์เราก็เคยเจอนะเออ แต่คิดว่าน่าจะเป็นเด็กที่อยู่หอแถวนั้น ใช้มอเตอร์ไซต์ขับไปกลับระหว่างมหาลัยกับหอมากกว่า แต่ก็มีนักศึกษารวมถึงอาจารย์จำนวนไม่น้อยที่ใช้บริการโดยสารรถบัส ซึ่งเราจะเรียกกันว่ารถโค้ช เป็นรถที่คอยรับส่งอาจารย์ นักศึกษา และพนักงานที่ทำงานที่เอแบคบางนา โดยรถจะจอดที่เอแบคหัวหมาก ค่าโดยสารตอนนั้นเที่ยวละ 25 บาท นอกจากนี้ก็จะมีรถตู้ที่ถือว่าเป็นตัวเลือกในการเดินทางที่นักศึกษาจำนวนไม่น้อยเลือกใช้ เพราะรวดเร็ว รถออกถี่ แต่ก็ไม่เป็นเวลา เต็มเมื่อไหร่ก็ออก หากรถตู้ออกไปจนหมดแล้ว ก็ต้องรออ่ะ หากใครรีบก็สามารถนั่งแท็กซี่ ค่าแท็กซี่จากหัวหมากไปบางนาประมาณ 270-280 บาท ไม่รวมค่าทางด่วนนะ

ภาษาอังกฤษขั้นเทพกันทุกคน?
บอกเลยว่าเด็กที่นี่ไม่เก่งภาษาอังกฤษทุกคน ประเมินจากประสบการณ์ที่เคยพบ ใน 1 คลาสเรียน 30% จะเก่งอิ้งมาก แบบขั้นเทพ แกรมม่าแน่น พูดเก่ง สำเนียงเป๊ะ 50% จะกลางๆ สนทนาได้ แต่สำเนียงอาจไม่เป๊ะ ส่วนที่เหลือ คือ อ่อนมาก โต้ตอบภาษาอังกฤษยังไม่คล่อง พวกนี้อาจจะเป็นพวกที่เรียนอิ้งซ้ำๆ ไม่ผ่านสักที หรือเรียนอิ้งหลายๆ รอบ เช่น Eng I 2 รอบ Eng II 2 รอบ Eng III 4 รอบ เป็นต้น แต่จะว่าไปแล้ว เด็กที่นี่จะมีความกล้า ไม่กลัวที่จะพูดกับชาวต่างชาติเวลาเจอข้างนอก เพราะนักศึกษาเอแบคจะเรียนเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย มีเพียงบางวิชาเท่านั้นที่เรียนเป็นภาษาไทย ซึ่งเท่าที่รู้ คือ วิชาภาษาไทย และวิชาทางกฎหมายบางวิชาของคณะกฎหมาย ฉะนั้น ถ้าจะบอกว่าเด็กเอแบคเก่งอิ้งกันทุกคน เราว่าไม่จริงอ่ะ อยู่ที่ว่าเจอคนที่อยู่ในกลุ่มไหน

เรียนง่าย จบง่าย ใครๆ เรียนได้ จริงไหม?

ถ้าบอกว่าเอแบค ใครๆ ก็เข้าได้ อันนี้ยอมรับนะ แต่ถ้าบอกเรียนง่าย จบง่าย ตอบเลยว่าไม่จริง เรียนที่นี่ไม่ง่ายนะ อย่างแรกเลยคือภาษา หากคิดจะเรียนที่นี่ อย่างน้อยควรจะได้ภาษาบ้าง ถ้าแบบ 0 เลย ก็ต้องใจสู้หน่อยอ่ะ เพราะจะผ่านอิ้งยาก และทำให้เสียเวลา จบช้ากว่าคนอื่น ข้อสอบควิซ มิดเทอม และไฟนอลของที่นี่เป็นแบบ essay คือให้เขียนอธิบาย ไม่ใช่แบบตัวเลือก รวมถึงที่นี่มีการเช็คการเข้าเรียนของนักศึกษาอย่างจริงจัง จริงจังมาก เช็คชื่อทุกคาบ ขาดเกิน 6 ครั้ง หมดสิทธิ์สอบ ลงใหม่สถานเดียว ถ้าไม่รับผิดชอบ ไม่ขยัน ไม่เข้าเรียน F มาเยือนแน่ ถ้าไหวตัวทันก็คงดร็อป ฉะนั้นหากคิดเรียนที่นี่ต้องมุ่งมั่นตั้งแต่แรก วางแผนไว้เลยว่าจะจบให้ได้ภายในกี่ปี แบบเทพๆ ก็ 3 ปีครึ่ง ตามหลักสูตร 4 ปีก็นับว่าเก่ง หรือไม่รีบ 4 ปีครึ่งก็ถือว่ายังไม่แปลกแค่ช้ากว่าหลักสูตรไปนิด ใครไม่ซีเรียสก็ 5 ปี ถ้ามากกว่านี้ เกรงว่าจะมากไปนะ

อยู่หอ กับ ไปกลับ อย่างไหนดี?

เราว่าไปกลับเหมาะสำหรับคนที่บ้านไม่ไกลจากมหาลัยมาก ขับรถไม่เกิน 1 ชม. หรือจะนั่งรถโค้ชหรือรถตู้ก็ได้หากใช้เวลาเดินทางรวมแล้วไม่เกิน 1 ชม. ทำไมต้อง 1 ชม. เพราะเรามองว่าถ้าเกินกว่านี้มันเหนื่อยนะ มาเรียนทุกวันจันทร์-ศุกร์ ขับรถไปกลับเช้า เย็น เรียนก็เหนื่อยแล้วไหนจะต้องทำการบ้าน ทำรีพอร์ต โปรเจ็คท์อีก เหนื่อยน่าดู แต่คนที่เอารถมาก็น่าเบื่อตอนหาที่จอดรถนี่แหละ แถมตอนเช้ากับตอนเย็น ในมหาลัยรถติดมากๆ ตอนเช้าเวลาพีค คือประมาณ 8 โมง 40 ส่วนเย็นก็ประมาณ 4 โมงครึ่ง เรื่องลานจอดรถในมหาลัยมีทั้งฟรีและเสียเงิน อยากได้ที่ฟรีและไม่ร้อนก็ต้องอาศัยมาแต่เช้า ไม่งั้นก็กลางแดดนู่นแหละ ซึ่งเด็กเอแบคจะเรียกลานจอดรถตรงนั้นว่า ซาฮาร่า (มันคือชื่อทะเลทราย) แต่ก็สามารถจอดที่อาคารจอดรถได้ แต่เสียเงินนะ 40 บาทรึป่าวไม่แน่ใจ แต่สำหรับคนที่อยู่หอจะตัดเวลาเรื่องการเดินทางออกไปได้เลย เวลามีงานกลุ่มที่ต้องทำด้วยกันจนถึงเย็นก็ไม่ต้องรีบ เพราะสามารถนั่งแท็กซี่ออกไป แปบเดียวก็ถึงหอละ แต่ปกติ จะมีรถตู้คอยรับส่งเด็กหอตามหอต่างๆ เสียเงินเที่ยวละ 10 บาท ก็ดีนะ ไม่ต้องเผชิญรถติดเพราะต้องขับรถหรือนั่งรถกลับบ้าน เวลาใกล้สอบก็อยู่ติวหนังสือกับเพื่อนถึงเย็นได้

กฎระเบียบสุดเคร่งครัดของเอแบค?

ที่นี่จะโด่งดังมากเรื่องเอาชายเสื้อออกนอกกระโปรง กางเกง รวมถึงการใส่กระโปรงนักศึกษาที่สั้น เสื้อนักศึกษาหญิงที่รัดรูปจนเกินไป และกางเกงนักศึกษาชายที่เป็นทรงขาเดฟ ลีบๆ แบบพี่ตูน บอดี้แสลมอ่ะ ที่เอแบคจะมีรปภ.คอยยืนสังเกตการณ์ตามจุดต่างๆ ของตึก มีทั้งยามผู้หญิงและผู้ชาย หากเห็นนักศึกษาคนไหนเอาเสื้อออกนอกกระโปรงหรือกางเกงก็จะเรียกทันที “นักศึกษา เก็บชายเสื้อด้วยค่ะ” ถ้านักศึกษาคนนั้นทำเป็นไม่ได้ยินหรือทำท่าจะเก็บแล้วไม่เก็บ พี่รปภ.แกจะเดินไปจิกทันที 555 รปภ.ที่นี่เค้าถูกเทรนมาดีจริงๆ ส่วนนักศึกษาที่ใส่กระโปรงสั้นหรือเสื้อนักศึกษาที่รัดรูปมากจนเกินไป ก็จะโดนพี่รปภ.เนี่ยแหละยึดบัตรนักศึกษาไปเลย และก็โดนลงบันทึกในประวัติ จากนั้นนักศึกษาคนนั้นจะต้องเสียค่าปรับ และมารายงานตัวอีกครั้งในวันถัดไปโดยจะต้องแก้ไขการแต่งตัวให้ถูกเป๊ะๆ จึงจะเห็นได้ว่าเด็กเอแบคประมาณ 95% แต่งตัวถูกระเบียบ ส่วนที่เหลืออีก 5% เป็นพวกอยากลองของว่าจะพ้นสายตาอัมหิตของพี่รปภ.เราไปได้หรือป่าว

ค่าเทอมหลักแสน แพงขนาดนั้นเลย?

ก่อนเรามาเรียนที่นี่เคยได้ยินเค้าว่ากันว่าค่าเทอมเอแบคแพงมากกก เราก็เข้าใจไปเองว่าค่าเทอมคงเป็นแสนซะมั้ง เดาว่าหลายๆ คนที่ไม่ได้รู้จักเอแบคดีก็ก็น่าจะคิดแบบเรา แต่จริงๆ แล้ว ตอนที่เราเรียน (จบมีนาคม 2013) หน่วยกิจละ 1,600 บาท ถ้าลงเต็มที่เลย 6 วิชา ก็จะเป็น 18 หน่วยกิจ จ่ายค่าบำรุงมหาวิทยาลัย ค่านู่นนี่นั่น เบ็ดเสร็จอยู่ที่ 4 หมื่นปลายๆ เองนะ ให้เต็มที่สุดสำหรับคนที่ขยันมากลงเต็มแม็ก 21 หน่วยกิจ ก็ไม่เกิน 55,000 เราไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไง แต่เพิ่งได้ยินจากรุ่นน้องที่ยังเรียนอยู่บอกว่าหน่วยกิจขึ้นมาอีก เห็นว่าเป็น 1,700 – 1,800 เนี่ยแหละ แต่ก็เหอะ เรียนหนังสือไม่ได้จ่ายค่าเทอมอย่างเดียว แต่ยังมีค่าหนังสือ ค่าเรียนพิเศษ ค่าอาหารการกิน ค่าหอ ค่าน้ำมันรถ และอื่นๆ อีกมากมาย รวมกับค่าเทอมแล้วก็เป็นแสนนะ บางคนเกินด้วยซ้ำ อยู่ที่คนด้วยว่าใช้จ่ายยังไง ค่าข้าวที่นี่มีทั้งแบบราคาธรรมดา ไปจนถึงเรียกว่าแพงได้สำหรับผู้ที่ยังไม่มีรายได้แบบนักศึกษา ราคาธรรมดาในที่นี้สามารถหากินได้ในโรงอาหารของเอแบค เด็กที่นี่จะเรียกกันว่า คาเฟทีเรีย เรียกสั้น คาเฟ ราคาข้าวก็ตกจานละ 35-40 เป็นอย่างต่ำ เมนูอาหารก็บ้านๆ ทั่วไป เช่น อาหารตามสั่ง ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว ส่วนราคาที่แพงหน่อยก็จะเป็นตามร้านอาหารที่มาเปิดในเอแบคที่มีการตกแต่งร้านสะอาดสะอ้าน สวยงาม น่านั่ง ราคาอยู่ที่จานละ 60-120 หรือมากกว่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเด็กเอแบคส่วนใหญ่ชอบแบบไหนมากกว่ากัน

อยากเรียนเอแบค แต่ไม่มีตังค์ ทำไงดี?

อย่างที่บอกไปในหัวข้อก่อนหน้าว่าค่าเทอมเอแบคอยู่ 5-6 หมื่น ซึ่งถือว่ายังไม่แพงเวอร์สำหรับมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรการเรียนการสอนแบบอินเตอร์ คือ เรียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังแพงอยู่ดีหากเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยของรัฐฯ ในระดับปริญญาตรีด้วยกัน แล้วอย่างงี้คนไม่รวยเรียนได้ไหม ขอตอบว่า "ได้ แต่ต้องเก่งนะ" โดยปกติ เท่าที่รู้มาคือ เอแบคจะให้โควตาไปตามโรงเรียนมัธยมต่างๆ โดยอาจารย์ของทางโรงเรียนนั้นจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมของนักเรียนที่จะได้โควต้าเรียนฟรีที่เอแบค ซึ่งส่วนใหญ่จะคัดจากเกรด ใครเกรดสูงก็ได้ไป จำนวนโควต้าที่ให้ก็แล้วแต่ว่าจะให้เท่าไหร่ บางโรงเรียนก็ให้แค่ 2 เอง หรือโรงเรียนที่อยู่ในเครือของเอแบคก็จะได้เยอะหน่อย เป็น 10 โควต้าอ่ะ โรงเรียนในเครือเอแบค เราไม่รู้ละเอียดว่ามีที่ไหนบ้าง แต่ที่แน่ๆ จะเป็นโรงเรียนที่ขึ้นต้นด้วย อัสสัม ทั้งหลาย เช่น อัสสัมชัญคอนแวนต์ อัสสัมชัญศึกษา เป็นต้น อีกทางนึงที่จะสามารถได้ทุนเรียนฟรีที่เอแบคก็คือ ทางเอแบคจะเปิดให้นักเรียนชั้นม.6 เข้ามาสอบเพื่อชิงทุนเรียนฟรี 4 ปีที่เอแบค ทุนนี้ชื่อว่าทุน E-listening ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันนี้ยังเปิดให้สอบอยู่ไหม ลองเข้าไปหาข้อมูลดูในเว็บไซต์ของเอแบค หรือโทรไปสอบถามที่ฝ่ายทะเบียนก็ได้ค่ะ

จบเอแบค หางานง่ายจริงไหม?

เราว่าอันนี้ขึ้นอยู่กับคนนะ คนเก่งจบจากที่ไหนก็หางานง่ายได้ ไม่จำเป็นต้องเอแบค แต่ว่าก็ต้องยอมรับว่าชื่อของเอแบคก็ถือเป็นใบเบิกทางใบแรกเหมือนกัน หากในเรซูเม่สมัครงานระบุว่าจบจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เห็นจะดูมีภาษีกว่ามหาลัยวิทยาลัยบางที่ ย้ำว่าบางที่ ทำไมน่ะหรอ เพราะอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าที่นี่เรียนไม่ง่าย จบได้ภายใน 4 ปีพร้อมเกรดเฉลี่ยสัก 3 ขึ้นไปก็ถือว่าโอเคเลย อีกอย่างคือเรื่องภาษาอังกฤษ การเรียนการสอนของเอแบคเน้นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ฉะนั้นเวลานายจ้างเห็นใบสมัครงานว่าคนนี้จบจากเอแบคก็น่าจะคาดหวังว่าภาษาต้องดี แต่ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แหละว่าเด็กเอแบคไม่ได้เก่งภาษามากกันทุกคน และการสมัครงานนายจ้างก็ดูอะไรหลายอย่าง บุคลิก การพูดจา ท่าทาง ไหวพริบ ปฎิภาณประกอบกัน เพราะฉะนั้นจงทำให้ตัวเองน่าสนใจและโดดเด่นกว่าคนอื่น แค่ชื่อมหาลัยอย่างเดียวอาจไม่ช่วยอะไรนะ

หวังว่าเรื่องที่ทั้งหมดที่เรานำมาบอกเล่าจะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆ คน ไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อมูลทั้งหมดเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวที่พบเจอมากับตัวเอง คนอื่นที่เรียนที่เดียวกันอาจจะคิดแตกต่างกับเราก็เป็นได้ หากใครอยากรู้อะไรเพิ่มเติม หรืออยากปรึกษาอะไร ทิ้งคำถามไว้ด้านล่างก็ได้ค่ะ ถ้ามีเวลาจะรีบมาตอบให้เลยค่ะ