เด็กบ้านแตก แต่ไม่เหลวแหลกก็ได้

   เป็นเด็กบ้านแตก ต้องเหลวแหลกไหม?



เราโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่มีฐานะปานกลางถึงค่อนข้างดี ที่บ้านไม่ได้ทำธุรกิจอะไรใหญ่โตหรอกนะ พ่อแม่มีอาชีพเป็นแม่ค้านี่แหละ ขายปลาทะเลในตลาด แต่โชคดีที่ขายดี และพ่อแม่เราเป็นคนขยัน (จริงๆ แม่คนเดียวนะที่ขยัน) และเก็บเงินเก่งจึงทำให้ค่อยๆ สร้างตัวขึ้นมาได้
ตอนเด็กๆ เราค่อนข้างสนิทกับพ่อ มีอะไรก็จะคุย ปรึกษา เอาเรื่องที่โรงเรียนมาเล่าให้พ่อฟัง กับแม่นั้นไม่ค่อยสนิทกันเลย เพราะครอบครัวของเรา แม่จะเป็นเสาหลัก เป็นคนคอยหาเงิน คิดเรื่องเงินเพื่อมาจุนเจือครอบครัว พ่อเราก็ช่วยแม่เราขายนั่นแหละ แต่ขี้เกียจ แม่เราต้องคอยเรียกไปทำงาน ตั้งแต่เด็กจนโตเราเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยมาก ทะเลาะแบบรุนแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือก็มี ด้วยตอนนั้นยังเด็กอยู่ ก็จะร้องไห้ เหมือนเด็กทั่วไปที่เห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน แต่พอโตขึ้นมาอายุซัก 10 ขวบก็เริ่มชิน เค้าทะเลาะกันแรงๆ เราก็รู้สึกแย่นะ แต่ไม่ร้องไห้เหมือนตอนเด็กๆ แล้ว


จนวันนึงเราก็ไม่คิดว่าวันที่พ่อแม่ทะเลาะกันเหมือนที่เราเคยเห็นแบบที่ผ่านๆ มา จะทำให้เค้าสองเลิกกันขึ้นมาจริงๆ จำได้ว่าตอนนั้นเราอายุ 14 อยู่ม.2 เรากลายเป็นเด็กบ้านแตกโดยที่เราไม่เคยคิดมาก่อนเลย เคยเห็นคนอื่นๆ ที่พ่อแม่เลิกกันก็ไม่เคยรู้ ไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันเป็นยังไง จนวันนี้ เรากลายเป็นหนึ่งในนั้นแล้ว เราและน้องอยู่กับแม่ แม่เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าสาเหตุที่ทำให้พ่อเปลี่ยนไปช่วงปีหลัง เพราะพ่อมีเมียน้อย และไม่ได้มีคนเดียว มีแบบเที่ยวผู้หญิง พ่อเราขโมยเงินแม่เราไปเที่ยวอาบอบนวด เอาไปเลี้ยงผู้หญิงมากมาย ตลอดระยะเวลาที่ 5 ที่ผ่านมาพ่อเราขโมยเงินไปเป็นล้าน ที่รู้นี่เพราะแม่เราเอาเรื่องมาปะติดปะต่อ ความจริงของพ่อเราก็เลยเปิดเผย


หลังจากเค้าเลิกกันชีวิตเราก็เปลี่ยนไปเยอะ ยอมรับว่าเสียใจนะ ไม่มีเด็กคนไหนอยากให้พ่อแม่เลิกกัน จากเดิมที่มีพ่อคอยขับรถไปส่งที่โรงเรียน เราต้องเดินไปโรงเรียนเอง (โรงเรียนไม่ได้ไกลมากนัก มีทางลัดเดินไปได้) จากไม่เคยขึ้นนั่งมอเตอร์ไซต์ ก็ต้องนั่งวินไปโรงเรียนในวันที่รีบๆ จากไม่เคยขึ้นรถเมล์ ก็ต้องขึ้น ขึ้นก็ไม่เป็น ลงก็เลยป้าย หรือลงก่อนป้ายบ่อยๆ แม่เราเป็นคนรับภาระค่าใช้จ่ายคนเดียวทั้งหมด ทั้งของเราและของน้องซึ่งถือว่าไม่น้อยสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวที่ตอนนั้นเลิกขายปลาในทะเลไปแล้ว มาขายอาหารอยู่ที่บ้านแทน


แต่กระนั้น ตัวเราเองก็ไม่เคยทำตัวเหลวแหลก เรายังคงตั้งใจเรียนหนังสือ เพราะเราเป็นคนชอบเรียน คิดเสมอว่าถ้าไม่เรียนแล้วจะไปทำอะไร เราเป็นคนที่จัดอยู่ในกลุ่มเด็กที่เรียนค่อนข้างเก่ง GPA ม.ต้นประมาณ 3.9 กว่าๆ ม.ปลายประมาณ 3.7 พอจบม.ปลาย เราก็เลือกที่จะเรียนมหาวิทยาลัยที่เน้นภาษาอังกฤษอย่างเอแบค โชคดีที่เราได้ทุน ถึงฐานะทางบ้านจะไม่ได้ดีนัก แต่เราก็เรียนที่นี่จนจบปริญญาตรี ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.63 เกียรตินิยมอันดับ 2


ถ้าถามถึงพ่อเรา เค้าไม่เคยส่งเสีย เลี้ยงดูอะไรเรากับน้องสาวเลย ตั้งแต่เลิกกับแม่ไป เคยเจอเค้าแค่ 2 ครั้ง เค้าก็ไม่เคยจะให้เงินหรืออะไรเลยนะ เราไม่รู้ว่าเค้าไม่มีหรือว่าอะไร แต่ลูกที่ไม่เจอกัน 9 ปี ไม่คิดจะส่งเสียอะไรบ้างเลยหรอ ครั้งล่าสุดที่เจอคือเมื่อธันวา 2012 เราให้พ่อมาหาเราที่หอวันพ่อ ตอนนั้นเราเรียนอยู่ปี 4 เค้ามานะ แต่เค้าพาเมียใหม่มาด้วย เราเสียใจมากเลย หลังจากวันนั้น เราก็ไม่ติดต่อพ่อเราอีกเลย เราไม่อยากเจอเค้า เค้าปล่อยให้แม่เราลำบากคนเดียว


ทุกวันนี้ เราว่าชีวิตเราก็มีความสุขดีนะ ตอนนี้เราเรียนจบ ทำงาน ส่งเงินให้แม่เราทุกเดือน ภาระในบ้านที่เราพอจะช่วยได้ เราก็ช่วย เราอยากจะบอกกับคนที่อาจจะเจอเรื่องราวคล้ายๆ กับเราหรืออาจจะหนักกว่าเราว่า แม้ว่าเราจะไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่เราไม่จำเป็นต้องทำตัวมีปัญหา คนเราเลือกเกิดไม่ได้จริงๆ หากเราเลือกเกิดได้ เราคงไปเกิดในครอบครัวที่มีพร้อมพ่อ แม่ ลูก ครอบครัวที่อบอุ่นที่สามารถเลี้ยงเราได้อย่างสุขสบาย แต่ถึงเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะเดินไปในทางที่ถูกและดีได้ เราอยากเป็นแบบไหนก็เดินไปทางนั้น ถ้ามั่นใจว่าทางนั้นเป็นทางที่ดีแล้วล่ะก็ จงตั้งใจ มุ่งมั่น และทำมันให้สำเร็จนะ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะคะ


1 ความคิดเห็น: