อยากเล่าประสบการณ์เวิร์คแอนด์ทราเวล สหรัฐอเมริกา (Work and Travel 2013)
เรื่องจริงประสบการณ์จริงเวิร์คแอนด์ทราเวลอเมริกา
เราไปเวิร์คแอนด์ทราเวลเมื่อปีที่แล้ว เรียนจบปี 4 ก็ตัดสินใจไปเพราะอยากได้ประสบการณ์ อยากลองไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศจริงๆ ดู เราไปกับเพื่อนอีก 2 คนที่เรียนมหาลัยเดียวกัน รัฐที่เลือกไปทำงานคือฟลอริด้า แต่อยู่ได้ 3 วันก็ย้ายมาทำงานที่เวอร์จิเนีย การไปครั้งนี้มีปัญหาในตอนแรกเพราะโดนเอเจนซี่ลอยแพ แต่ด้วยเราและเพื่อนๆ สามารถหางานได้เลยโชคดีมีงานทำ ได้อยู่ต่อจนเกือบครบกำหนดของโครงการ ประมาณเกือบๆ 4 เดือน ใครอยากรู้แบบลงรายละเอียด ก็ตามอ่านด้านล่างละกัน
การเลือกเอเจนซี่
ตอนนั้นบอกตามตรงว่าเราไม่ได้เป็นคนเลือกเอเจนซี่ คือเพื่อนจะไป แล้วเพื่อนชวน ก็เลยไป แล้วเพื่อนเลือกเอเจนซี่ไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ก็เลยโอเคเลือกที่เดียวกัน ก่อนจะไปก็คุยกับเอเจนซี่เรียบร้อยว่า งานที่จะไปทำที่นู่นคือร้านโดนัท ชื่อร้านคริสปี้ครีม ค่าแรงชั่วโมงละ 8.5 เหรียญ ก็มีการทดสอบภาษาอังกฤษกับเอเจนซี่เล็กน้อย ไม่ยาก พอผ่านก็โอเคตกลงได้งานนี้นะ เรากับเพื่อนอีก 2 คนได้งานที่เดียวกัน ก็ดีใจที่จะได้ทำงานที่เดียวกับเพื่อน เมืองที่จะไปอยู่ คือ เดสติน รัฐฟลอริด้า อยากจะบอกว่าเอเจนซี่ที่เรากับเพื่อนเลือกนั้น แย่มาก ตั้งแต่ก่อนไปเลย ดำเนินการอะไรก็ช้าไปหมด กำหนดการต่างๆ ที่บอกว่าจะเรียกสัมภาษณ์วีซ่าวันนี้ก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก บอกว่าจะสัมภาษณ์วีซ่าตั้งแต่ปลายมกรา สิ้นกุมภายังไม่มีวี่แววว่าจะโทรแจ้งคิวเลยว่าได้สัมภาษณ์วันไหน กว่าจะได้สัมภาษณ์ นู่น ปาไปเดือนมีนา นี่ยังไม่ออกเดินไปไหนเลยนะ เอเจนซี่ยังทำให้ปวดหัวได้ขนาดนี้ รออ่านต่อนะว่าเอเจนซี่นี้ทำแสบขนาดไหน
โดนลอยแพ
อย่างที่บอกว่าเรามากับเพื่อนที่เรียนมหาลัยเดียวกันอีก 2 คน แต่ตอนที่บินมาจริงๆ มีเด็กคนอื่นๆ ด้วยที่ใช้บริการเอเจนซี่เดียวกัน ทั้งกลุ่มมีกันประมาณ 8 คน ซึ่งกลุ่ม 8 คนนี้ (รวมเรากับเพื่อนเราด้วยนะ) มุ่งหน้ามาที่เดียวกัน และจะได้ทำงานที่เดียวกันด้วย คือ ที่ร้านคริสปี้ครีม เมืองเดสติน รัฐฟลอริด้า ก่อนจะบินมาเอเจนซี่บอกพวกเราว่าจะมีชายคนนึงมารับพวกเราที่สนามบินเพื่อเข้าที่พัก พวกเรามาถึงที่พักอย่างปลอดภัย เป็นบ้านเช่า มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องครัว และห้องนั่งเล่น อยู่รวมกันทั้งหมด 8 คน คนที่ขับรถมารับเราพวกเราที่สนามบิน และพามาส่งที่บ้านเป็นเจ้าของบ้านซึ่งเป็นบ้านที่ปล่อยให้เช่า เค้าเก็บเงินค่าเช่าบ้านงวดแรก รวมถึงค่ามัจจำบ้านจากพวกเราทันที ค่าเช่าอาทิตย์ละประมาณ 100 เหรียญ ค่ามัจจำ 300 เหรียญ (ถ้าจำไม่ผิด) สรุปว่ามาถึงวันแรกจ่ายไปประมาณ 400 เหรียญ พวกเราได้พัก 1 วันเต็ม จึงเริ่มไปทำงานกันวันแรกที่ร้านคริสปี้ครีม ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ผู้จัดการร้านคริสปี้ครีมบอกว่าไม่สามารถรับเด็กเข้าทำงานได้ทั้งหมดนี่ เพราะตำแหน่งที่ว่างมีเพียง 3 ตำแหน่งเท่านั้น ปัญหาเกิดเพราะต้องมี 5 คนตกงานแน่ๆ
ภายในเวลา 2 วันที่พวกเรากำลังเครียดเรื่องงานว่าจะออกไปหางานอื่นทำกัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้ไหม ก็เกิดเหตุการณ์ทำให้เราไม่ทันตั้งตัว ตัวแทนเอเจนซี่ของอเมริกาที่มีหน้าที่ดูแลพวกเราก็มายังบ้านพัก แล้วบอกกับพวกเราว่า พวกเราไม่ปลอดภัย เพราะที่พักที่พวกเราอยู่นี้เป็นที่ที่พวกเราไม่ควรอยู่ การมาของพวกเราควรอยู่ในสายตา และได้รับความคุ้มครองของเอเจนซี่ฝั่งอเมริกา พวกเขาแจ้งพวกเราว่า มีบุคคลที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเค้าก็คือคนที่มารับเราที่สนามบิน และเป็นเจ้าของบ้านเช่าหลังนี้นี่เอง เอเจนซี่อเมริกาไม่ได้บอกนะว่าชายคนนั้นเป็นคนร้ายหรืออะไร แต่เราคิดเองนะว่าน่าจะเกี่ยวกับว่าชายคนนี้อาจมีการหาผลประโยชน์จากพวกเรา โดยการเก็บค่าเช่าบ้านแพงๆ พาพวกเราไปทำงานแต่ก็เก็บค่ารถเที่ยวละแพงๆ และคงจะเป็นบุคคลที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว เอเจนซี่บอกว่าพวกเราต้องย้ายออกจากที่นี่ ย้ายไปอยู่รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นที่ที่สำนักงานใหญ่ของเอเจนซี่อเมริกาตั้งอยู่ จะปลอดภัยกว่าอยู่ที่นี่ โดยเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เอเจนซี่ทางฝั่งไทยมิได้มีการติดต่อหรือยื่นมือมาเข้ามาช่วยเหลืออะไรเลย มิหนำซ้ำยังติดต่อไม่ได้อีกด้วย วันรุ่งขึ้นพวกเราก็ทยอยเดินทางออกจากที่นั่นทันที โดยขึ้นรถบัส มุ่งหน้าสู่รัฐเวอร์จิเนีย
งานใหม่ที่ใหม่ ในรัฐใหม่
อเมริกานั้นกว้างใหญ่ไพศาล ระยะทางจากฟลอริด้าไปเวอร์จิเนียนั้นไม่ใช่ใกล้ๆ พวกเราใช้เวลาเดินทาง 25 ชั่วโมงเต็มๆ บนรถบัส เปลี่ยนรถบัสประมาณ 3-4 คันกว่าจะถึงที่หมาย เมื่อไปถึงทางเอเจนซี่ให้พวกเราอยู่ที่โรงแรม พวกเราอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรประมาณ 1 อาทิตย์ ในระหว่างนั้นทางเอเจนซี่อเมริกาก็พยายามช่วยพวกเราหางาน พวกเรา 8 คนเริ่มกระจัดกระจาย เรากับเพื่อนที่มาด้วยกันอีก 2 คนไปสัมภาษณ์งานร้านอาหารญี่ปุ่น ไปกันทั้งหมด 4 คน (มีอีกคนมาด้วย) แต่ทางร้านรับสมัครงานแค่ 2 คน ผลคือ เรากับเพื่อนอีก 1 ได้ ส่วนคนอื่นๆ ก็ได้งานที่สวนสนุกบ้าง เป็นแม่บ้านในโรงแรมบ้าง มีประมาณ 2 คนมั้งที่หางานไม่ได้จริงๆ แล้วต้องกลับประเทศไทย น่าจะเป็นเพราะเค้าอ่อนภาษามากด้วยแหละ น่าสงสารเหมือนกัน ส่วนเรากับเพื่อนอีกคนที่ได้งานที่ร้านอาหารญี่ปุ่นก็ได้ที่พักที่ห่างจากที่ทำงานประมาณกิโลกว่าๆ เรากับเพื่อนหารกันซื้อจักรยานมือสอง คันละ35 เหรียญ เอาไว้เป็นพาหนะขี่ไปทำงาน เรากับเพื่อนทำงานเป็นพนักงานต้อนรับ (host) ใส่ชุดกิโมโนคอยรับลูกค้า พาลูกค้าไปนั่งที่โต๊ะ รับโทรศัพท์ ตอบคำถาม รวมถึงรับออเดอร์ทางโทรศัพท์ ได้ค่าจ้างชั่วโมงละ 8 เหรียญ ทำงานวันละประมาณ 6 ชั่วโมง ตั้งแต่ 3 โมงครึ่ง ถึง 4 ทุ่ม บางทีก็ 4 ทุ่มครึ่ง สัปดาห์ละ 3-5 วันแล้วแต่ว่าทางผู้จัดการร้านจะจัดตาราง จริงๆ เรากับเพื่อทำงานแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับค่าเช่าบ้านที่ตกอาทิตย์ละ 70 เหรียญ (ถูกกว่าค่าเช่าที่ฟลอริด้าที่ตาคนนั้นเก็บมากกก) กับค่ากิน ถ้ากินไม่แพงมากก็อยู่ได้สบายๆ ส่วนเราก็มีกินแพงบ้างเป็นบางโอกาส แต่ส่วนใหญ่มื้อเช้าจะซื้อขนมปังแถวมาไว้กินกับนูเทลลาหรือแยม กลางวันก็ข้าวกล่องยัดใส่ไมโครเวฟ กล่องละ 2 เหรียญ เย็นก็กินแบบกลางวันแหละ แต่โชคดีที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เราทำงานมีข้าวให้กินฟรี 2 มื้อด้วย วันไหนไปทำงานก็ประหยัดค่าข้าวไปได้อีก เรากับเพื่อนช้อปปิ้งกันเก่งจึงคิดว่างานที่ทำอยู่คงไม่พอมาซื้อของฟุ่มเฟือยพวกนี้แน่ จึงเริ่มหางานที่สองทำกัน โดยได้งานเป็นเด็กเก็บจานในร้านแพนเค้ก ทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงบ่ายสอง วันไหนคนซาเร็ว เจ้าของร้านก็จะให้เลิกแค่เที่ยงก็มี เป็นงานที่เหนื่อย และหนัก เพราะต้องเก็บจานด้วยความรวดเร็ว และจานที่อเมริกาไม่เหมือนที่ไทยนะ เพราะไซส์มันต่างกันมากอ่ะ จานที่นั่นใหญ่และหนัก และเราต้องเก็บจานทั้งโต้ะให้เร็ว ไม่งั้นโดนด่า เจ้าของร้านดุอย่างกับหมา งานหนักนะแต่ได้เงินน้อยมากก ชั่วโมงละ 5 เหรียญ สัปดาห์ละ 2-3 วัน จริงๆ เราก็เอาเงินมาจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายได้อยู่นะ วันไหนที่ต้องทำงานทั้งสองที่ เหนื่อยมากๆ เช้าเก็บจานร้านแพนเค้ก เย็นยืนรับแขกร้านญี่ปุ่น ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง4 ทุ่ม กลับถึงห้องก็อยากนอนมากๆ เหนื่อย แต่ก็ฝึกความอดทน ได้ประสบการณ์ดีนะ
เอาเวลาตอนไหนไปเที่ยว
บ้านพักที่เราอยู่อยู่ใกล้กับเอ้าท์เล็ท คนที่เคยไปเมืองนอกรู้ดีว่ามันคืออะไร มันคือสถานที่ที่ทำให้เราเสียตังได้แบบหมดตัวหากไม่มีสติ เพราะเต็มไปด้วยร้านของสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลายที่นำมาลดราคา ยั่วน้ำลาย โดยสินค้าในเอ้าท์เล็ทนั้นจะเป็นสินค้ามือ 1 ไม่มีตำหนิใดๆ แบบของใหม่เนี่ยแหละ เพียงแต่อาจจะเป็นรุ่นที่ตกไปแล้ว หรือไม่ใช่รุ่นใหม่ล่าสุด จึงเป็นเหตุให้เราและเพื่อนซื้อของมากมาย ตั้งแต่ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา น้ำหอม ทั้งของตัวเองและของฝากพ่อ แม่ พี่น้อง สารพัดจะฝาก ส่วนเรื่องไปเที่ยวแบบจริงจัง เราไปเที่ยวบ้างแต่ไม่ถือว่าเที่ยวเยอะหรือเที่ยวหลายที่ ก็มีเที่ยวสวนสนุกในเมืองที่เราอยู่ พอทำงานเก็บเงินได้สักสองเดือน เรากับเพื่อนก็วางแผนไปเที่ยวเมืองหลวง วอชองตัน ดีซี นั่นเอง โดยเรานั่งรถไฟไปดีซีใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ค้างที่นั่น 1 คืน ก็ได้เห็นอะไรแปลกตาดี และตอนก่อนกลับไทยเพื่อนเรา 2 คนก็นัดกันจะไปเที่ยวที่นิวยอร์ค เสียดายที่เราไม่ได้ไปเพราะต้องรีบกลับไทย เราเลยบินกลับเมืองไทยมาคนเดียว การเดินทางข้ามซีกโลกคนเดียวนี่ก็ท้าทายดีนะ เพราะตอนไปนี่ ไปกันหลายคนไง
ทิ้งท้ายสำหรับคนที่อยากไปเวิร์ค
ถ้าถามว่าไปเวิร์ค แอนด์ ทราเวลดีไหม เรามองว่าถ้าพ่อ แม่พอจะมีเงินทุนสักหน่อย ประมาณสัก 150,000 – 200,000 บาท แล้วพ่อแม่ไม่เดือดร้อนนะ ก็ไปเหอะ มันเป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิตเลยแหละ มันจะทำให้เรามีความอดทนรู้จักวางแผน คิด ไตร่ตรอง ว่าอาทิตย์นี้จะจ่ายค่าเช่าพอไหม กินอันนี้แล้วเงินจะเหลือพอค่าใช้จ่ายหรือป่าว ถ้าใครที่บ้านมีอันจะกิน แบบสามารถโทรกลับไปเมืองไทย ขอเงินพ่อแม่เท่าไหร่ก็ได้ถ้าเงินไม่พอก็ดีไป แต่ถ้าแบบเรานี่ไม่ใช่ไง เรารู้สึกว่าเราขอแม่แค่ตอนมาพอแล้ว ที่เหลือเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องหาเอง ใช้จ่ายเองให้พอ แต่สำหรับใครที่คิดว่าอยากมาเวิร์คเพื่อมาฝึกภาษาอันนี้เราว่าอยู่ที่คน ถ้าไปแล้วหาเพื่อนฝรั่ง แฮงก์เอ้าท์ ขยันพูดกับเพื่อนต่างชาติบ่อยๆ ภาษาก็จะพัฒนาแน่นอน แต่หากไปแล้วอยู่กับเพื่อที่เป็นคนไทยด้วยกัน ก็คงไม่มีอะไรพัฒนาขึ้นมาหรอก
สุดท้ายอยากจะบอกว่าเรื่อราวทั้งหมดที่เราเจอ เราว่าเราบังเอิญดวงดี โชคดีด้วยแหละ โชคดีที่เอเจนซี่อเมริกาเข้ามาช่วยเหลือ โชคดีที่เราได้งานทำและไม่ต้องกลับไทย โชคดีที่เราได้งานที่สองซึ่งทำให้เรามีเงินเพียงพอที่จะรองรับกับค่าใช้จ่ายของตัวเอง โชคดีที่เราอยู่ที่นั่นแล้วไม่เคยเจอเรื่องร้ายๆ ไปทำงานกลับดึกๆ ดื่นๆ ขี่จักรยานกลับบ้านก็ไม่เคยเจออะไร สำหรับเรา เรามองว่าการไปเวิร์คครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่มีค่า แม้จะมีทั้งเรื่องดีและไม่ดี แต่มันก็ทำให้เราโตขึ้น แข็งแกร่งมากขึ้น แก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง ขอบคุณตัวเราเองที่นำพาให้ทุกอย่างมันผ่านไปได้ด้วยดีและน่าจดจำเช่นนี้
SEARCH
LATEST
3-latest-65px
SECCIONS
- ข่าวสาร IT (2)
- เข้าครัว (1)
- ทำมาหากิน (1)
- ที่เที่ยวเมืองไทย (16)
- ที่สวยๆต่างประเทศ (1)
- บทความดีดี (2)
- รู้ไว้ใช้ว่า (3)
- Advertising (6)
- Breaking News (9)
- Business (1)
- Fashion (1)
- featured (8)
- Games (1)
- Good News (12)
- health and fitness (7)
- Hotels (7)
- informativeness (6)
- Life & Style (16)
- Nice Cute Posts Pics (15)
- Prize Competition (9)
- Sports (4)
- story news (4)
- Technology (1)
- Tour Thai (5)
- Tour World (9)
- worldrecords (2)
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
AD
-
กีฬาดอจบอล กติกากีฬาดอจบอล 1.ใช้ขนาดของสนาม วอลเลย์บอล(ไม่ต้องใช้ตาข่ายในกีฬานี้) 2.กรรมการ 3 คน 3.ลูกบอล เบอร์ 4 4.จำนวนผุ้เล...
-
เด็กเอแบค มุมมองจากวงใน บอกเล่าประสบการณ์ตรงจากเด็กที่เรียนเอแบค ใ นฐานะที่จบเอแบคมา เคยวนเวียนเข้าออกอยู่ที่นั่น 4 ปีเต็ม ได้รู้จั...
-
รวมสัตว์มีพิษใต้ท้องทะเล มีทั้งน่ารักและหน้ากลัว (แค่รูปร่างนะ) แต่โดยสรุปแล้วมันน่ากลัวทุกตัวนะ โดนเข้าโอกาสรอดแทบจะเป็น 0 ( ศูนย์) มาเ...
Most Popular
-
กีฬาดอจบอล กติกากีฬาดอจบอล 1.ใช้ขนาดของสนาม วอลเลย์บอล(ไม่ต้องใช้ตาข่ายในกีฬานี้) 2.กรรมการ 3 คน 3.ลูกบอล เบอร์ 4 4.จำนวนผุ้เล...
-
รวมสัตว์มีพิษใต้ท้องทะเล มีทั้งน่ารักและหน้ากลัว (แค่รูปร่างนะ) แต่โดยสรุปแล้วมันน่ากลัวทุกตัวนะ โดนเข้าโอกาสรอดแทบจะเป็น 0 ( ศูนย์) มาเ...
-
เด็กเอแบค มุมมองจากวงใน บอกเล่าประสบการณ์ตรงจากเด็กที่เรียนเอแบค ใ นฐานะที่จบเอแบคมา เคยวนเวียนเข้าออกอยู่ที่นั่น 4 ปีเต็ม ได้รู้จั...
-
กิจกรรมขี่ช้าง /ขี่ช้างเที่ยว /นั้งช้างเที่ยว / ชมการแสดงช้าง Elephant Riding กิจกรรมขี่ช้าง การขี่ช้างเป็นกิจกรรมเด่นประจำสถาน...
-
เด็กเอแบค มุมมองจากวงใน บอกเล่าประสบการณ์ตรงจากเด็กที่เรียนเอแบค ใ นฐานะที่จบเอแบคมา เคยวนเวียนเข้าออกอยู่ที่นั่น 4 ปีเต็ม ได้รู้จั...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น